โรคตายพราย เกิดจากการเข้าทำลายของเชื้อราชนิดหนึ่ง ซึ่งมีอยู่ตามธรรมชาติ ถ้าหากต้นไม้ในที่นี้หมายถึงต้นกล้วย เมื่ออ่อนแอ หรือสภาพแวดล้อมเหมาะสมสำหรับเชื้อโรค มันก็จะเข้าทำลายทันที อาการของโรคตายพรายของกล้วย ถ้าสังเกตให้ดีจะพบสีเหลืองอ่อนที่ก้านใบแก่ ต่อมาปลายใบหรือขอบใบเปลี่ยนเป็นสีเหลือง แล้วขยายออกไปอย่างรวดเร็ว จนเหลืองทั้งใบ ต่อมาใบอ่อนก็เปลี่ยนเป็นสีเหลืองเช่นเดียวกัน คล้ายถูกน้ำร้อนลวก หรือตายนึ่ง ต่อมาใบจะหักพับลงที่บริเวณโคนก้านใบ และเหี่ยวตายในที่สุด
หากเกิดการระบาดในระยะตกเครือ ผลจะเหี่ยว เนื้อฟ่าม ผลลีบเล็ก ขนาดไม่สม่ำเสมอ เมื่อตัดลำต้นตามขวาง พบว่า มีรอยช้ำสีน้ำตาลแดงให้เห็นอย่างชัดเจน อันเกิดจากการเข้าทำลายท่อน้ำท่ออาหารของต้นกล้วยจึงส่งน้ำและอาหารไปเลี้ยงส่วนบนไม่ได้ จึงทำให้เกิดอาการดังกล่าว
วิธีป้องกันกำจัด เนื่องโรคตายพรายมักระบาดรุนแรงในกล้วยน้ำว้าและกล้วยหอมทอง ดังนั้น ควรปลูกสลับหมุนเวียนกับกล้วยไข่ หรือกล้วยหักมุกแทน ที่สำคัญควรระวังอย่าให้น้ำขังแฉะในแปลงปลูก โดยเฉพาะดินที่เป็นกรด จำเป็นต้องใส่ปูนขาวเพื่อลดความเป็นกรดลง อัตรา 800-1,200 กิโลกรัม ต่อไร่
และเมื่อพบว่า เริ่มมีการระบาดของโรค ต้องลดปริมาณการใช้ปุ๋ยไนโตรเจนลง ต้นที่เกิดโรคแล้วให้ตัดและขุดโคนขึ้นมาเผาทำลาย แล้วโรยปากหลุมด้วยปูนขาว หรือยาฆ่าเชื้ออย่างใดอย่างหนึ่ง ประการสำคัญควรเลือกหน่อกล้วยจากแหล่งไม่มีโรคตายพรายมาเป็นพันธุ์ปลูกดีที่สุด
ผู้เขียน หมอเกษตรทองกวาว
เผยแพร่ วันจันทร์ที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ.2562
เรียบเรียงโดย https://kasetphasomphasan.blogspot.com
 


 
 
 
 
 
 
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น